วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2564

Khaolak Surf Town : เพราะเขาหลักไม่ได้มีดีแค่คลื่นทะเล

  Khaolak Surf Town : เพราะเขาหลักไม่ได้มีดีแค่คลื่นทะเล แต่ยังเชื่อมโยงเซิร์ฟบกกับเซิร์ฟเลเข้าด้วยกัน มาปักหมุด 5 สนามเซิร์ฟสเก็ตต่างสไตล์ที่รอให้มาโดน

.
เป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างมากที่งานเซิร์ฟสเก็ต “Bangsak RedRamp Star Act 2021” ซึ่งจัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพังงาและชมรมตะกั่วป่าเซิร์ฟสเก็ต ต้องยกเลิกในที่สุดเนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ด้วยธรรมชาติที่สวยงามและมีกิจกรรมมากมาย เขาหลัก จังหวัดพังงายังเหมาะแก่การมาพักผ่อนหรือ Workation ยิ่งนักภายใต้เงื่อนไขและมาตรการด้านความปลอดภัยของทางจังหวัด โดยเฉพาะสายเซิร์ฟบก หลังจากที่นี่มีสนามเกิดขึ้นถึง 5 ที่ทั้งแบบเปิดให้เล่นฟรีและมีค่าใช้จ่าย...จะเป็นที่ไหนบ้างตามมาเก็บลายแทงรอมาจัดกันได้เลย
.
📌Bangsak Beach Skate Park by Garang (ฟรี) : สนามเซิร์ฟสเก็ตแห่งแรกในเขาหลัก ณ หาดบางสัก (ในคลิปวิดีโอ) โดดเด่นด้วยสีแดงและรูปแบบเวฟแรมป์ปูนริมหาดแห่งแรกในเมืองไทยที่ออกแบบมาให้เล่นสนุกขึ้นสำหรับคนที่มีทักษะระดับหนึ่งแล้ว ขณะเดียวกันก็มีพื้นเรียบสำหรับมือใหม่หัดเล่น พร้อมเพิ่มลูกเล่นด้วยรูปทรงของปะการังและความหลากหลายของอารมณ์การเล่นที่มีการวางรูปแบบแนวเอ็กซ์ตรีมด้วยการสร้าง flow จากเวฟแรมป์ลงมายังลานเรียบ โดยไฮไลต์ความตื่นเต้นที่สุดคือ mini bolw สำหรับสายโหดที่เล่นได้ทั้งเซิร์ฟสเก็ต สเก็ตบอร์ด และจักรยานผาดโผน อ้อ...ที่นี่ยังเหมาะกับสายกินและเช็กอินถ่ายรูป เพราะมีคาเฟ่เก๋ไก๋อยู่ติดกันด้วยนะ


📌​Memories Beach (ฟรี) : สนามเซิร์ฟสเก็ตที่ออกแบบโดยนักโต้คลื่น ซึ่งนอกจากความโดดเด่นเรื่องทำเลที่สามารถเซิร์ฟบกแล้วต่อด้วยเซิร์ฟทะเลจบในที่เดียวแล้ว ยังเหมาะกับสายโหดที่ชอบการเล่นแบบขึ้นไปฟาดด้วยความชันและความแคบ ถือเป็นการฝึก body control และการเพิ่มความเร็วก่อนการขึ้นฟาด ตรงนี้ควรมีการฝึกควบคุมบอร์ดมาอย่างชำนาญพอสมควรเพื่อความท้าทายที่สนุกและปลอดภัย แต่สำหรับผู้เล่นทั่วไปหรือมือใหม่ก็มีพื้นที่ลานเรียบและรูปแบบปั๊มแทร็กสั้นๆ ให้เล่นเช่นกัน รวมทั้งมีการเปิดสอนโดยทีมครูที่เป็นนักโต้คลื่นด้วย




📌 Sunova The Board factory (ฟรี) : สนามของผู้ผลิตกระดานโต้คลื่นและเซิร์ฟสเก็ตแบรนด์ดังอย่าง SUNOVA & SUNS ที่บอกเลยว่าสายโหดไม่ควรพลาด เพราะนอกจากลานเรียบตรงกลางสำหรับหัดเล่นและส่วนขอบด้านข้างสำหรับหัด drop ขึ้นคลื่นหรือขึ้นเล่น trick ของสายสตรีทแล้ว ส่วนของ bolw กว้าง 12 เมตรยังเหมาะกับสายไต่และชอบความสูงเพื่อขึ้นไป snap ด้วยความสูง 2 เมตร รวมทั้งส่วนของ 1 คลองกับ 2 หลุมที่ออกแบบมาเพื่อการเล่นแบบ combination ที่ฝึกควบคุมด้วยความเร็วแล้ว carve กับวงหลุมแนวเอียงจากความเร็วที่สร้างมาจากจุด drop แถมในสถานการณ์ปกติยังสามารถเข้าไปชมการผลิตในโรงงานได้อีก




📌
​Boeing Skate Park (ฟรี) : สนามเลียบคลองตะกั่วป่าอยู่บริเวณตลาด บขส. เหมาะสำหรับผู้เล่นทุกระดับ อาจจะไม่มีความท้าทายมากนักในเรื่องความยากแต่ก็สนุกเช่นกัน รูปแบบมีทั้งปั๊มแทร็ก และเวฟแรมป์ความยาว 20 เมตร สามารถเล่นได้ต่อเนื่องและไม่ชันจนเกินไป ช่วงเย็นจะเป็นแหล่งรวมตัวของกลุ่มเด็กๆ ในท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีน้องมาร์ดี ผลงานของศิลปิน Alexface กำลังเล่นเซิร์ฟสเก็ตเป็นสีสันของสนาม ใครมาเที่ยวในตลาดแวะแจมได้เลย


📌​Laybay Khaolak (มีค่าใช้จ่าย) : น้องใหม่ล่าสุดที่เตรียมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ เป็นสนามของโรงแรมลา เวล่าที่ผสมผสานพื้นที่และรูปแบบการจัดวางของแต่ละเซ็กชั่นได้อย่างลงตัวจากการออกแบบโดย Surflab สนามเซิร์ฟสเก็ตชื่อดัง แม้พื้นที่จะดูแคบแต่การวาง flow ในการเล่นสร้างความบันเทิงและรองรับได้ทุกรูปแบบตั้งแต่มือ
ใหม่ไปจนถึงระดับโปรในรูปแบบเวฟแรมป์และ snap shot station แต่อาจไม่มีความท้าทายมากสำหรับสายโหด แถมด้วยบรรยากาศวิวทะเลที่ดีมากๆตอนพระอาทิตย์ตก ยิ่งไปกว่านั้นยังได้จดลิขสิทธิ์เป็นที่แรกในเอเชียที่จะมีการสอนตามหลักสูตรของ smoothstar อย่างไรก็ตาม สนามนี้จะมีค่าใช้จ่ายสำหรับคนนอก ส่วนแขกในโรงแรมเล่นฟรีจ้า




...ชอบสนามไหน ถูกใจสไตล์ใด อย่าลืมสวมใส่อุปกรณ์ safty ด้วยนะคะเพื่อความสนุกอย่างปลอดภัยกันทุกคน

วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2563

ความทรงจำทับซ้อน ที่ซ่อนอยู่...บนหาดทราย Memories beach in my memories


ความทรงจำทับซ้อน 
ที่ซ่อนอยู่...บนหาดทราย 
(Memories beach in my memories)


หลังจากพาตัวเอง หนีแรงเหวี่ยงแห่งมนต์ขลังแดนสนธยาที่หนึ่งมาได้อย่างทุลักกทุเล ตั้งใจไว้เลยว่า จะต้องตีแผ่เรื่องราวที่แห่งนั้นให้โลกรับรู้ให้สิ้น ใครต่อใครจะได้ป้องตัวกันใจได้ทัน แลรู้เท่าทันมนต์เสน่ห์แห่งอาณาจักรลึกลับนั้น

แม้จะเป็นความทรงจำที่พร่าเลือนมั่ง ชัดแจ่มบ้าง อาจจะต้องจินตนาการเอาไม่น้อย สรุปจากเรื่องเล่า เรียบเรียง ร้อยเรื่องจากคำบอกกล่าวของใครๆ  ฯลฯ

แต่อย่างไรเสีย ก็จะขอเป็นฟันเฟืองชิ้นเล็กๆ ที่ร่วมถักทอ ถ่ายทอดเรื่องราว เล่าความ  ถึงดินแดนอันซับซ้อน ที่ทับซ้อนไปด้วยความทรงจำดีดี มากมายมหาศาล ให้ใครต่อใครได้เข้าใจแจ่มชัด และพาตัวพร้อมหัวใจ เพื่อเข้าถึง ที่ "memories beach" แห่งนั้น ว่าน่าอัศจรรย์ใจอย่างไร

"เข้าสู่โหมดบันทึกความทรงจำกันเลยคุณ"

หาดสวยเพลินตา นั่งบาร์เพลินใจ

จั่วหัวเชยๆ แต่เชื่อได้เลย มันคือเรื่องจริงที่สุด และเป็นหนึ่งมนต์ขลังของที่นี่  เพราะหาดปะการังตรงนี้ หรือ ที่รู้จักกันดีในนาม เมโมรี่บีช นััน เป็นชายหาดที่ทอดตัวยาวไกลสุดสายตา เม็ดทรายละเอียดละออมากมายมหาศาล ฝังตัวเป็นผืนทรายขนาดมหึมากางปีกปกคลุมตลอดแนวหาด คล้ายกับจะบ่งบอกแลแสดงออกถึงความเป็นเจ้าของน้ำทะเลให้ทุกๆ ผู้มาเยือนได้รับรู้และกริ่งเกรงหากจะทำการอันใด้ให้ชายหาดแปดเปื้อน
.
เชื่อไหมที่หาดนี้ไม่มีขยะเลย เมื่อลองทอดสายตากวาดมองหาดเมโมรี่ที่ทอดตัวยาว แผ่หรากว้างไกลแล้ว ช่างสะอาดสอ้าน สวยงามชวนมอง ลองนึกภาพเพลาย่ำโพล้เพล้ อาทิตย์อัสดงสิ ภาพความทรงจำยามนั้นจะงดงามอลังการแค่ไหน เพราะเล่าลือกันว่า อาทิตย์ลับขอบฟ้าที่หาดนี้ งดงามและน่าจดจำ ไม่เป็นสองรองที่ใดๆ เลย
.
เพื่อให้สอดรับกับทำเลสุดอัศจรรย์นี้ บาร์ดีๆ สักแห่ง คงจะเป็นคำตอบของนักเดินทางสายมูทั้งหลายแน่ๆ และ memories beach bar ก็ไม่ทำให้ใครๆ ผิดหวัง ด้วยสไตล์คันทรี่เรียบๆ ตกแต่งเบาๆ ด้วยวัสดุธรรมชาติ ไม่มีกั้น ไม่มีฝาหลังคามุงจาก โต๊ะไม้นานา เปลญวนชวนนอน ฯลฯ เมื่อกอปรกับ เมนูกินดื่ม ที่พร้อมเสิร์ฟเสมอ ๆ แถมด้วยการบริหารและบริการด้วยหัวใจของที่นี่ รับประกันได้เลยว่า ทริปท่องดินแดนเวทมนต์ของคุณ ต้องไปได้สุดแน่นอน

โต้คลื่นใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม 

Surf ไงจะอะไรล่ะ นี่คือคำตอบ ถ้าถามถึงไฮไลต์สำคัญของที่นี่ เพราะหาดเมโมรี่เนี่ย คือหนึ่งในสุดยอดหาดสำหรับโต้คลื่นอันดับต้นๆ ของไทยแลนด์แดนสยามเชียวล่ะ  หาดยาวคลื่นสวย คลื่นซ้าย คลื่นขวา หนัก เบา หนา บางบ้างเวลา ฯลฯ มีให้ได้เจอครบหมดทุกรสชาด แถมเล่นได้เกือบทั้งปี โชว์ลีลากันได้หลายเดือน จมือใหม่ มือเก่า มือเก๋า มือโปร วนมาโต้ มาอวดลวดลายกันให้ควั่ก ลองมา surf สักทีแล้วพี่จะติดใจ
.
ไม่เคยเล่น ก็มีคนสอน มีอุปกรณ์ให้เช่า มีคนคอยดูแล เทคแคร์หายห่วง ดุ่ยๆ เข้ามาก็ได้เล่น หรือจับจองมาก่อนก็ได้ชัวร์ เปิดหัวใจของคุณ เข้าสู่เซิร์ฟเวิลด์กันได้เลย เพราะนาทีนี้ แหลงได้เลยว่า มาเขาหลัก แล้วไม่ได้ surf เนี่ย ถือว่ามาไม่ถึงนะเออ เพราะฉะนั้น ปักหมุดที่นี่ไว้ทุกครั้งที่มาว่า เป็นแลนด์มาร์กต้องห้าม-พลาด 
.
ใครไม่เซิรฺ์ฟ ไม่โลดไม่โผน อยากมาโดน มาดู มานั่ง มาทิ้งตัวฝากหัวใจ นั่นก็ทำได้ตามใจคุณ เพราะโลกของผู้คนในวังวนเมโมรี่ ยินดีต้อนรับทุกๆคนอย่างเท่าเทียม แค่มานั่งฟังเพลง สูดอากาศ เก็บภาพบรรยากาศใส่เมมในหัว เพียงเท่านั้น ก็คุ้มค่าการมาเยือนแล้ว และก็เพียงพอที่จะทำให้คุณโดนตก จนต้องวก ต้องแวะมาเยือนที่นี่อีกแน่นอน

เป็นเพื่อนพ้อง น้องพี่ แฟมิลี่เดียวกัน

"มันไม่ใช่วัฒนธรรมองค์กร หรือ ขนบ ประเพณี อะไรหรอก ที่ทำให้ชุมชนที่นี่ ดูเป็นกันเอง" นายหัวแห่งเมโมรีบีชบาร์ ชี้แจง ต่อข้อถามว่า ทำไมคนที่นี่ถึงอยู่ร่วมกันอย่างรักใคร่ กลมเกลียว ถ้อยทีถ้อยอาศัย ห่วงใย ใส่ใจ ดูแลกันและกัน เหมือนเพื่อนพี่น้อง ราวกับว่า มีกฎระเบียบ ข้อตกลง เงื่อนไขกติกา หรืออะไรทำนองนี้ ควบคุมที่นี่ไว้ ให้สงบสุข เรียบร้อย ราบรื่น

"คงเป็นสไตล์ของคนรักกีฬาเซิร์ฟมั้ง บวกกับคนที่มาที่นี่ มีใจรักธรรมชาติด้วย " นายหัว กล่าวต่อจากการตั้งข้อสังเกตเห็นมานาน 
เพราะที่นี่ไม่ได้สร้างระบบ ระเบียบ ข้อบังคับอะไร มาควบคุมชุมชนสนธยาแห่งนี้ ด้วยเพราะสไตล์ของคนรักธรรมชาติผนวกกับนิสัยใจคอของคนเล่นกีฬาชนิดนี้ ที่เรียบง่าย สบายๆ เป็นกันเอง ชอบเอื้อเฟือ ช่วยเหลือคนอื่นๆ  และส่วนใหญ่จะรู้จักกัน ชวนต่อๆ กันมา ดึงดูด หมุนวน เหวี่ยงคนที่คิด ชอบและมีใจรักในแบบเดียวกันเข้ามาเรื่อยๆ จนเกิดเป็นกลุ่มก้อน ชุมชน และกลายเป็นสังคมเล็กๆ ที่อยู่ร่วมฉันท์เพื่อนพี่น้อง อย่างที่เห็นๆ กัน
หนทางวกวน แต่ผู้คนไม่วุ่นวาย

หากไม่เอ่ยถึงถนนหนทาง กว่าจะมาถึง หาดเมโมรี่เสียหน่อย เรื่องเล่าบทนี้คงจะไม่ครบรสเป็นแน่ เพราะระยะทาง ราว 3-4 กิโล จากถนนหลักสู่ตัวหาดนั้น ถือว่าโหดหินพอดู เป็นด่านแรกที่จะคัดกรองผู้กล้า และชั่งใจใครต่อใครเสียก่อนว่า มีใจจะไปต่อหรือจะพอแล้วขอกลับระหว่างทาง นั่นเอง เพราะถนนคนเซิร์ฟหรือเมโมรี่บีชชนเนี่ย ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่มันโรยด้วยหิน ดิน และฝุ่นตลอดทาง เติมความแคบเข้าไปนิด เสริมความวกวน มากเลี้ยว หลายเนิน เข้าไปหน่อย อร่อยเหาะ ถ้าฝนฟ้าไม่เป็นใจก็เดินทางไกลกับหลุมบ่อ โคลนสาดซ่านกระเซ็นบ้าง ถ้าแดดดีเปรี้ยงปร้าง ฝุ่นตลบจะคอยเคียงข้างคุณตลอดเส้นทาง
มากลางวันดีหน่อยอุ่นใจกว่า หากมามืดค่ำ อาจมีเสียวบ้างอย่างหวั่นไหวใจสั่นระรัวเชียว
.
แต่ก็นั่นล่ะ อีกหนึ่งมนต์เสน่ห์ของเมโมรี่บีชเขาล่ะ ใครยอมตะลุยผ่านด่านนี้เข้ามา ก็เหมือนได้รับการคัดกรองความมีกะใจไปในตัว จะเห็นได้จากจำนวนวิญญูคนคนรักทะเล เทใจให้เซิร์ฟ ที่ฝ่าผ่านเข้ามา จำนวนมากมายขึ้นเรื่อยๆ ที่แม้จะมากคนล้นหลาม ทั้งสายด่วน ขาจร หรือ on stay ค้างอ้างแรมกับบ้านเมโมรี่ แต่ทุกคนกลับอยู่รวมร่วมกัน อย่างสุขกายสบายดี ไม่ได้มีปัญหา วุ่นวาย สับสนอลหม่านแต่อย่างใด เป็นที่แปลกและน่าอัศจรรย์ใจดีแท้

ฤาสิ่งเหล่านี้ คือที่มาของ "เมโมรี่บีช หาดแห่งความทรงจำ"
.
คงจะเป็นวิถีของเมโมรี่บีชไปแล้วกระมัง ที่ก่อเกิดชุมชนคนเมโมรี่สไตล์ขึ้นมา จนสามารถถ่ายทอด สืบต่อ กลวิธีการเป็นอยู่ให้กับใครต่อใครที่แวะเวียนมาเยือนที่นี่ ได้โดยอัตโนมัติไปเสียแล้ว เพราะไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ยากดีมีจน เป็นคนเด่นดังหรือไม่มีใครรู้จัก มาเพราะชอบทะเล รักธรรมชาติ ชอบโต้คลื่น หรืออีกหมื่นพันเหตุผล ที่นี่ ตอบโจทย์ทุกความต้องการให้คุณได้หมด
 .
 เพราะที่นี่ คือ เมโมรี่บีช หาดแห่งความทรงจำ ที่ซึ่งใครๆ ก็สามารถ บรรจุความทรงจำลงไป แล้วก็เติมแต่ง เสริมใส่ เรื่องราวดีๆ ที่น่าจดจำ ได้ตามใจคุณ
 .
 บนพื้นที่เดียวกันนี้ เมโมรี่บีช พร้อมจะบรรจุเอาหมื่นแสนล้านความทรงจำดีๆ ของทุกคนที่มาเยือนเข้าไว้ด้วยกัน มัดรวม ถักทอ ร้อยรัด รวมกันไว้ และรอคอยวันที่คุณจะหวนกลับมาเยือนใหม่ เพื่อต่อเติมสร้างสรรค์ ความทรงจำในบทใหม่ อีกครั้ง
 .
 เชื่อสุดใจเลยว่า สักวันใดวันหนึ่ง  มนต์ขลังและพลังความทรงแห่งดินแดนลี้ลับนี้ จะตามไปเคาะประตูใจคุณ ๆ จนได้ ให้ต้องมาเยือนสักครั้ง และต้องกลับมาย้ำ มาซ้ำความทรงจำเป็นวังวนไม่รู้จบ อย่างแน่นอน
 .
 "ออกจากวังวนความทรงจำแล้วล่ะ แต่ก็นะ แม้จะเพิ่งไปทิ้งตัวมาหมาดๆ  แต่สัญชาตญาณบางอย่างเริ่มติ่งเตือนแล้วว่า ในไม่ช้าต้องไปอีกแน่นอน"
 .
 
"ไป ไป ไป โต้คลื่น ไปชื่นมื่น ไปเติมเต็มประสบการณ์ความทรงจำแสนดี ที่ เมโมรี่บีชกัน"

ภาพและเรื่องโดย อิง อันดา


แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม เสริมความทรงจำ




ขอขอบคุณ
ทีมงาน Memories beach bar
ทีมงาน Khaolak surfing school
ทีมงาน Better surf thailand
ทีมงาน Khaolak wonderland tour and cafe





วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เมืองแห่งอ้อมกอดขุนเขา...ฉงชิ่ง

ฉงชิ่ง อู่หลง
เมืองเนรมิต ดินแดนมรดกโลก  
เมืองแห่งอ้อมกอดขุนเขา...


ก้าวย่างสู่ฉงชิ่ง
            ราว 3-4  ชั่วโมง หลังทะยานบินออกมาจากสุวรรณภูมิ ก็ถึงจุดหมาย ท่าอากาศยานนานาชาติฉงชิ่งเจียงเป่ย์ เมืองฉงชิ่ง ดินแดน แห่งการค้นหาความลับแห่งธรรมชาติ เมืองแห่งอ้อมกอดขุนเขา
               "ฉงชิ่ง" 1 ใน 4 มหานครของจีนที่รับได้ฉายาว่า ฮ่องกงน้อย แต่นอกจากความรุ่งโรจน์ด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาในทุก ๆ ด้าน แบบก้าวกระโดดแล้ว ที่นี่ยังอุดมไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติอยู่มากมาย และหลายที่ได้รับการรับรองจากองค์กรยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกเลยทีเดียว 

ทริปนี้ขอหลีกหนีมหานคร ไปตะลอนสัมผัสธรรมชาติสวย ๆ กัน   รับประกันเลยว่า มาแล้วไม่เสียเที่ยวแน่ ๆ





นครฉงชิ่ง
...ฮ่องกงน้อยแห่งมณฑลเสฉวน
            หนึ่งในอดีตเมืองเอกแห่งมณฑลเสฉวน ที่มีประชากรอาศัยอยู่มากมาย และเป็นเมืองท่าที่สามารถเดินทางไปยังจุดหมายสำคัญ ๆ ทั่วประเทศจีนด้วยทำเลที่เหมาะสมและการพัฒนาที่พร้อมทุก ๆ ด้าน ทำให้ในปี ค.ศ.1997 รัฐบาลจีนยกระดับฐานะเมืองฉงชิ่งให้เป็น 1 ใน 4 มหานครที่ขึ้นตรงกับรัฐบาลกลางนั่นทำให้ ฉงชิ่ง เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านประชากร เศรษฐกิจ และเทคโนโลยี กลายเป็นมหานครใหญ่อย่างรวดเร็ว ใครที่เคยไปมา   แล้วหวนมาเยือนอีกครั้งสัก 4-5 ปีให้หลัง ต้องตกใจกับการเปลี่ยนแปลงแน่ ๆ เป็นเมืองที่น่าจับตามอง ต้องห้ามพลาดทีเดียว ที่สำคัญ มาที่นี่ ไม่มีอาตี๋อาหมวยอาเจ็ก อาซ้อปั่นจักรยานให้เห็นเหมือนชาวจีนที่อื่นนะ เพราะที่นี่ มีแต่เขาน้อยใหญ่ ใครอุตริปั่นจักรยาน  คงต้องถีบกันน่องโป่ง น้ำบานแน่ ๆ เชียว







หลงไหลในท้องถิ่น
...อำเภออู่หลง
                 แต่เชื่อมั้ย เพียงนั่งรถ 3 ชั่วโมงจากเมืองใหญ่ เราจะหลุดมายังอีกโลกหนึ่งทันทีทันใด หนีความวุ่นวายในเมืองที่พัฒนาไม่หยุดยั้ง สู่โลกแห่งธรรมชาติ ที่หยุดนิ่งราวกับรอให้ชาวโลก ได้มาสัมผัสผลงานศิลปะ ที่รังสรรโดยธรรมชาติด้วยสองตาของตนเอง เมืองแห่งมรดกโลก อู่หลง เมืองแห่งขุนเขา มีแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่าน  ที่ถึงแม้วิถีชีวิตผู้คนจะพัฒนาไปตามกระแสโลกแต่จังหวะชีวิตของท้องถิ่นยังเต้นควบคู่ไปกับธรรมชาติ ผู้คนเป็นมิตร อากาศบริสุทธิ์ และทิวเขาน้อยใหญ่ที่สวยงาม น่าประทับใจชิวิตยามเช้าที่เรียบง่ายของคนที่นี่ ช่างน่าอบอุ่น ร้านน้ำชา ปาท่องโก๋  กิจกรรมยามเช้า  เด็ก หนุ่มสาววิ่งออกกำลังกาย ผู้แก่ผู้เฒ่ากับการรำมวยจีน นอกจากนี้ หากโชคดีเราจะเห็นอาชีพเก่าแก่อย่างหนึ่งของคนอู่หลง คือ รับจ้างหาบของ ภาพหญิงอู่หลงกับตะกร้าใส่ของใบเขื่อง ที่พร้อมบริการลูกค้าทุกท่าน หรือแม้แต่หาบเพื่อเคลื่อนย้ายสิ่งของของตน ก็มีให้เห็นเป็นระยะเช่นกัน







อลังการ ผลงานธรรมชาติ
...อุทยานหลุมบ่อฟ้า 3 สะพานสวรรค์ ระเบียงแก้ว
                แผ่นดินที่ยุบตัวลง ก่อเกิดร่องรอยตามธรรมชาติ เป็นหลุมลึกขนาดมหึมาราว 300-500 เมตร พร้อม ๆ กับแนวเขาเป็นโพรงทะลุ ที่คั่นระหว่างหลุม คล้ายสะพานขนาดใหญ่รูปมังกรทอดกายแหงนหน้ามองฟ้า นี่คือที่มาของแหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกที่ไดัรับการรับรองในปี 2007  หลุมบ่อฟ้า 3 สะพานสวรรค์ ถือเป็นไฮไลต์เลยทีเดียว เมื่อมาเยือนต้องมาสัมผัสที่นี่    เหมาะสำหรับทดสอบความฟิตของร่างกายแบบเบาะ ๆ เพราะกว่าจะเดินยลจนรอบอุทยาน ก็ใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู่เหมือนกัน แต่หายห่วง ตอนลงนี่มีลิฟต์แก้วลึกกว่า 80 เมตร คอยบริการ  ระหว่างทางหากไม่ไหวหรือไม่อยากเดิน สามารถใช้บริการวินมอเตอร์ไซด์ไม่ใช่สิ ต้องเรียกวินเสลี่ยง หรือนั่งเสลี่ยงได้นะ ชาวบ้านที่นี่ คอยบริการท่านอยู่ รับประกันความสยิวเพราะทางเดินค่อนข้างลาดชัน จนขนลุกชันทีเดียว ส่วนขาขึ้น ใครฟิตเปรี๊ยะ ก็โชว์ของเดินขึ้นบันไดไปหล่อสวยได้ หากหมดแรงอ่อนล้า มีรถอุทยานคอยบริการ    เพื่อให้ได้สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ ธรรมชาติที่งดงามแบบสุดคุ้มแล้วละก็  ต้องชมสะพานทั้ง 3 ให้เป็นด้วย ถึงจะเรียกว่ามาแล้ว ไม่เสียเที่ยว





              อุทยานแห่งชาติหลุมฟ้า มี 3 แห่งด้วยกันที่ถูกกล่าวขานว่า "สะพานสวรรค์"  คือ
1.สะพานมังกรฟ้า   Tianlong  Bridge  เป็นสะพานแรกความสูง 235 เมตร มีลักษณะเป็นโพรงทะลุ ใกล้ๆ กับผนังถ้ำมีการแกะสลักลวดลายมังกรสวยงาม ไฮไลต์ของสะพานแรกคือ โรงเตี๊ยมโบราณกลางหุบเขาจุดแวะพักของคนเดินทางในสมัยก่อนตั้งแต่ในสมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618-907)   เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องดัง"ศึกโค่นบัลลังก์วังทอง" และหนังฟอร์มยักษ์เรื่อง  "Transformer 4"

2.สะพานมังกรเขียว  Qinglong  Bridge  ความสูง 281 เมตร ลักษณะเป็นโพรงยาว มีลำธารเล็กไหลผ่าน  มีโพรงขนาดยักษ์คล้ายดาบเล่มโต ตั้งตระหง่านอยู่กลางเขาเป็นอีกจุดที่นังท่องเที่ยวแวะถ่ายรูปที่ระลึก

3.สะพานมังกรดำ  Heilong  Bridge สะพานสุดท้ายความสูง 223 เมตรอยู่ในส่วนที่แคบที่สุดจึงทำให้มีความมืดทึบ เป็นที่มาของชื่อ "สะพานมังกรดำ"

           ตลอดสองข้างทางระหว่างเดิน แม้จะเป็นระยะทางยาว แต่อากาศและธรรมชาติที่บริสุทธิ์ จะทำให้เพลิดเพลินจนลืมความเหนื่อยล้าอย่างแน่นอน ยิ่งถ้าได้ไปยืนมองวิวสุดสยิวจากระเบียงแก้วใสที่สูงจากพื้นดินกว่า 1,200 เมตร  ที่ที่สามารถเห็นพื้นที่ทั้งหมดของหลุมฟ้าสะพานสวรรค์ จะรู้เลยว่า คุ้มค่าแค่ไหนกับการเดินทางมาชมอุทยานแห่งนี้







ดิ่งหุบ สูดโอโซน
...น้ำตกหุบผาสวรรค์
...หุปผาสวรรค์ วนวก ตกจากฟ้า  เป็นสายน้ำ โรยมา ผ่านผาสวย
ชโลมโลก สะดุดตา ระรินรวย       เป็นธารห้วย เป็นชีวิต วิถีจีน...
             "หนามยอก ต้องเอาหนามบ่ง" คงเป็นวิธีที่ไกด์อยากทำเพื่อนักท่องเที่ยว เพราะเกรงว่า หากพักนานไป ความเมื่อยล้าจะมาเยือน จนไม่มีใครอยากก้าวขาเดิน เพราะไม่กี่นาทีจากหลุมฟ้าฯเราก็มาถึงอีกหนึ่งความงามแห่งธรรมชาติ มาสัมผัสกับรอยแยกปฐพีที่ลึกและยาวสุดเกินจะหยั่ง นั่นแปลว่า การเดินทางท่ามกลางช่องแคบขุนเขาราว 3 ชั่วโมงกำลังมาเยือนเอาละ เดินซ้ำ ย้ำรอยเมื่อยกันไปเลย
        ตลอดเส้นทางเป็นทางเดินแคบ ๆ ลอดอุโมงค์ เลียบป่า ฝ่าดงหิน ชะง่อนผา มีครบตามธรรมเนียมการท่องแนวน้ำตกจริง ๆ แตกต่างบ้างก็ตรงที่ เราต้องเดินทางที่สูงลงไปยังที่ต่ำค่อย ๆ ไต่ลึกลง ๆ ลัดเลาะ ลดเลี้ยว ท่ามกลางอากาศดีๆ ลมพัดเอื่อย ๆ มีหลายจุดให้แวะ หลายที่ให้พัก แม้จะเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ แต่ที่นี่ทำทางเดินเป็นสะพานปูนให้ตลอดเส้นทางเพราะฉะนั้นหายห่วงเรื่องความปลอดภัย ผจญได้ทุกเพศวัย ไม่หนักหนาอย่างที่คิดไม่นานนัก จุดหมายที่รอคอย ก็รอต้อนรับผู้มาเยือนอย่างยิ่งใหญ่ แม้จะไม่อลังการอย่างที่เห็นในรูปหรือคลิป เพราะหน้านี้น้ำน้อย แต่น้ำตกหุบผาสวรรค์ กลับทำให้ความเหนื่อยล้า คลายไปกว่าครึ่งสายน้ำเส้นสวย ลมเย็น ๆ เอื่อย ๆ และละอองน้ำตก ที่สาดกระเซ็นมาปะทะกับใบหน้า ช่างชุ่มชื่นดีแท้ ธรรมชาตินี่มหัศจรรย์จริง ๆ
             หลังจากเดินผ่านสายน้ำตกแล้ว ยังสามารถชมลำธารสวย ๆ สิ่งมีวิตในหุบเขาไปได้ตลอดทาง จนสุดเส้นทางเดิน ที่สำคัญ ลานจอดรถจะอยู่ที่สุดปลายทางเลย พักดื่มน้ำ ล้างหน้า หาของกินแล้วขึ้นไปนั่งฟินบนรถเตรียมเดินทางต่อได้เลย







ที่ราบยอดเขา   งามวิจิตรหินงอกหินย้อย
...อุทยานแห่งชาติเขานางฟ้า ถ้ำมรดกโลก ฝูหยงต้ง
เขานางฟ้า
          ใครจะเชื่อว่าบนยอดเขาสูงกว่า 2,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล จะมีทุ่งราบกว้างใหญ่ไพศาล ตั้งตระหง่านอยู่ ที่นี่คือ เขานางฟ้า ดินแดนแห่ง 4 มหัศจรรย์ คือ มีป่าไม้หนาแน่น ยอดเขาประหลาดทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์และลานหิมะ  สวยงามน่ามาเยือนตลอดทั้งปี มีรถคอยบริการชมท้องทุ่ง ตลอดสองข้างทางมีสัตว์เลี้ยงปล่อยทุ่งของชาวพื้นเมืองให้เห็นทั้ง วัว ม้าหรือแม้แต่แพะ ต้นไม้และไม้ดอกนานาพันธ์ที่จะเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล นอกจากนั่งรถชมวิวแล้ว การได้นั่งพักผ่อนท่ามกลางทุ่งหญ้ากว้าง ๆ ปล่อยใจว่าง ๆ คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ช่างเป็นบรรยากาศที่น่ารื่นรมย์เป็นที่สุด และนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่มีใครเก็บภาพสวย ๆ ไปฝาก ไปบอกต่อคนอื่น ๆ อย่างแน่นอน






ถ้ำฝูหยงต้ง
         อีกหนึ่งมรดกโลกของที่นี่ ที่ไม่ควรพลาดคือ ถ้ำฝูหยงต้ง ถ้ำหินปูนที่ขึ้นชื่อว่า สวยงามที่สุดในดินแดนจีน ขนาดถ้ำที่กว้างใหญ่เสมือนเป็นวังแห่งราชามังกร ที่ซึ่งตลอดระยะทางในอุโมงค์ใหญ่ร่วม 3 กิโลเมตร ปรากฏหินงอก หินย้อยอันงดงามที่เป็นจุดแวะชมกว่า 30 แห่ง ศิลปะตามธรรมชาติที่มีหลากหลายรูปร่าง ทั้งปะการังในท้องทะเล ห่าฝนลูกธนู หรือรูปคล้ายเทวรูป และอื่น ๆ อีกมากมาย สำหรับคนชอบอารยธรรมชาติแล้ว รับรองประทับใจไปอีกนาน 
       แม้เส้นทางในถ้ำจะลดเลี้ยวเคี้ยวคด จนเรียกเหงื่อได้หลายหยด
 แต่เมื่อได้สัมผัสวิวลอยฟ้าสวย ๆ บนกระเช้า ระหว่างขาขึ้นและลงเขา คงพอทำให้นักท่องเทียวหลายคนพอจะใจชื้นขึ้นได้บ้าง









ร่องรอยอดีต ที่มาของปัจจุบัน
...ย้อนรำลึก อู่หลง” (Impression  WULONG)
         หลังจากที่ได้เรียนรู้ สัมผัส และเก็บภาพความทรงจำตลอดหลายวัน กับหลายเส้นทางท่องเที่ยว ภาพความประทับใจ ประสบการณ์ใหม่ที่คุ้มค่า นับว่าเต็มจนล้นกระเป๋าความทรงจำแล้ว  แต่ยังไม่พอ  เพราะทั้งหมดยังไม่ใช่บทสรุปของทริปแสนประทับใจนี้ เพราะการแสดงสุดยิ่งใหญ่  Impression WULONG ต่างหาก ที่จะตราตรึงใจผู้ชมไปอีกแสนนาน
          การแสดง แสง สี เสียง สุดอลังการ จากผลงานของผู้กำกับมือทอง จากอวี้โหมว
ที่เนรมิตหุบเขาเถ้าหยวนของอู่หลง ซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขาสูง หุบเหวและความเงียบสงบของธรรมชาติ เป็นฉากหลังเพื่อบอกเล่าเรื่องราว  วิถีชีวิตและประวัติศาสตร์ของผู้คนเมืองฉงชิ่ง  เหมือนเป็นโรงโอเปร่าธรรมชาติขนาดมหึมาเลยทีเดียว  ซึ่งปกติแล้วเทคนิค  Mapping (การแสดง แสง สี เสียงบนฉากสิ่งก่อสร้างเช่น ตึก อาคาร  เป็นฉาก มีนักแสดง เวที อุปกรณ์การแสดงต่าง ๆ )  แบบนี้ เคยเห็นมาบ้างแล้วในคลิปของต่างประเทศ หรือ งานเปิดตัวสินค้าเจ้าใหญ่ ๆ ในไทย แต่ทั้งหมดแสดงพื้นที่จำกัดและควบควบได้ เช่น อาคารใหญ่ ๆ  ตึกรูปทรงต่าง ๆ  ซึ่งนับว่าเป็นงานที่ต้องใช้มืออาชีพจริง ๆ ในการจัดการ
          แต่การแสดงที่ต้องใช้ฉากจริงเป็นหุบเขาทั้งลูก ควบคู่กับการแสดงร่วมจากนักแสดงกว่า
500 ชีวิต การเล่าเรื่อง ฉากอลังการ รวมทั้งการแสดงสด  ร้องเพลงจริง  การใช้เลเซอร์ ระบบแสง สี เสียง ท่ามกลางผู้ชมนับพัน  ต้องบอกว่า เป็นสุดยอดผลงานการกำกับจริง ๆ เหมือนได้นั่งชมการแสดง 4 มิติยังไงยังงั้น



          หากแต่การนั่งชมการแสดงที่เล่าเรื่องของอีกชนชาติ ด้วยภาษา การสื่อสาร เรื่องราวที่แตกต่างจากประสบการณ์การรับรู้  แน่นอน น่าจะเป็นเรื่องยากต่อความเข้าใจ  แม้จะมีซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษผ่านจอขนาดยักษ์แต่คงอ่านไม่ทัน ที่สำคัญ อ่อนด้อย ภาษาอังกฤษ  เลยตัดสินใจ นั่งชมการแสดงแบบซาวด์แทรกเลยดีกว่า  แต่น่าแปลกใจ  การรับชมด้วยใจ ผ่านบทละคอน การแสดงสด  แสง สีและเสียงที่เร้าอารมณ์ กลับทำให้สามารถชมการแสดงได้อย่างไม่มีตะขิดตะขวงใจ      เรื่องราวอดีตวิถีชีวิตชาวฉงชิ่ง  โดยเล่าผ่านอาชีพคนลากเรือ (ห้าวจือ)  เป็นผู้เล่า ประกอบกับการร้องเพลงสดของนักแสดงกว่า 100 ชีวิตตลอด 70 นาที  กลับทำให้ซาบซึ้งถึงอดีตของชนชาติจีนได้อย่างประหลาด แถมมีบางครั้งพลันนึกถึงเรื่องการต่อสู้ชีวิตของอดีตชาวสยามเราไปซะได้   แบบนี้นับได้เลยว่า แม้จะไม่ค่อยเข้าใจ แต่เข้าถึงไปเรียบร้อยแล้ว  ต้องยกความดีความชอบให้กับผู้กำกับจอมอัจฉริยะอย่างจางอวี้โหมวไปเต็มร้อย  ที่ทำให้การแสดงจบลงด้วยความประทับใจเป็นที่สุด



      ความประทับใจที่เกิดขึ้น เรื่องราวทุกอย่างที่เล่าผ่านทุกตัวอักษร เป็นข้อเท็จจริง ผสมผสานกับความคิดเห็น ความรู้สึกของผู้เขียน ในมุมมองส่วนตัวเพียงเท่านั้น  เชื่อเหลือเกินว่า ฉงชิ่ง ในรสสัมผัสของนักเดินทางหลาย ๆ คนย่อมแตกต่างและหลากหลาย หากได้มีโอกาส รับรู้ แลกเปลี่ยน หรือสนทนา เราอาจได้เรื่องราวที่ร้อยเรียงได้สมบูรณ์ขึ้นกว่านี้  แต่เรื่องหนึ่งที่ค่อนข้างมั่นใจว่าหลายคนคิดตรงกัน คือ หากมีโอกาส คงไม่พลาดที่จะกลับมาเยือนเมืองนี้อีกครั้งอย่างแน่นอน
         เชื่อเสมอว่า การเดินทาง คือการเรียนรู้ที่สำคัญ ที่จะเติมเต็มประสบการณ์ชีวิตให้กับนักเดินทางทุกคน  แม้ผลลัพธ์ของแต่ละคนอาจแตกต่าง  ความประทับใจมีหลายหลากมากน้อย  แต่เชื่อเถอะครับว่า เมื่อก้าวออกสู่โลกกว้างแล้ว อย่างไรเสียย่อมไม่มีขาดทุนกำไรชีวิต  ออกไปพักใจ ไปดูโลก ไปเปิดหูเปิดตากันซะบ้าง ชีวิตเราไม่ได้ยืนยาวเป็นพันปี หากมีเวลาและความสามารถ เก็บกระเป๋า ก้าวออกมาเถอะครับ

                                                                                                                                                                    อิง  อันดา